การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) คือหนึ่งในความท้าทายที่สำคัญและเร่งด่วนที่สุดของมนุษยชาติในศตวรรษนี้ อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำฝน การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งขึ้น และผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพ เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตและระบบเศรษฐกิจให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น

ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคบริการสุขภาพ มีบทบาทสำคัญทั้งในแง่ของการลดผลกระทบและการปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น เราจึงต้องบริหารจัดการทรัพยากรและระบบปฏิบัติงานอย่างรอบคอบ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างระบบที่ยืดหยุ่นต่อวิกฤติในอนาคต

นโยบายและคำมั่นด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างวิกฤตภูมิอากาศกับพันธกิจด้านการดูแลสุขภาพขององค์กร และมุ่งมั่นมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ

บริษัทมีนโยบายส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ตามกรอบข้อตกลงปารีส (Paris Agreement)

คำมั่นขององค์กร

  1. ขับเคลื่อนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ
  2. ดำเนินการวัดและติดตามคาร์บอนฟุตพริ้นท์ กำหนดเป้าหมายด้านการลดคาร์บอน
  3. ส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั้งภายในกระบวนการและกับพันธมิตรทางธุรกิจ คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่น ๆ ในห่วงโซ่คุณค่า
  4. พัฒนาระบบการจัดการพลังงานในโรงพยาบาลในเครือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดการใช้พลังงานฟอสซิล
  5. ประเมินและติดตามความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อธุรกิจในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อเตรียมการปรับตัวเชิงกลยุทธ์
  6. สนับสนุนการใช้เทคโนโลยีสะอาด การออกแบบอาคารเขียว และนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม
  7. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการลดคาร์บอนในชีวิตประจำวัน และการสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม
  8. รายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขอบเขตที่ 1 และ 2 และ (ในระยะถัดไป) ขอบเขตที่ 3 อย่างโปร่งใส พร้อมวางแผนการตรวจสอบโดยบุคคลภายนอก

โครงสร้างการกำกับดูแลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บทบาทของคณะกรรมการและคณะกรรมการชุดย่อย

คณะกรรมการบริษัท มีบทบาทและหน้าที่ ดังต่อไปนี้

  • กำหนดทิศทางและกลยุทธ์ขององค์กร : คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่กำหนดวิสัยทัศน์ อนุมัตินโยบาย และกลยุทธ์หลักของบริษัท รวมถึงแผนการดำเนินงาน งบประมาณ และแนวทางบริหารความเสี่ยง โดยมีประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในประเด็นหลัก เพื่อให้เกิดการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
  • กำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงทั้งองค์กร : คณะกรรมการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และกำหนดนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมทั้งองค์กร โดยรวมถึงความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศ เช่น ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติหรือการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งติดตามและประเมินประสิทธิภาพการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ
  • ดำเนินงานตามหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม : คณะกรรมการมีหน้าที่ส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานปฏิบัติตามมาตรฐานด้านจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งรวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและการลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • ประเมินและทบทวนนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี : คณะกรรมการต้องประเมินผลและทบทวนนโยบายด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยรวมถึงการติดตามการดำเนินงานด้าน ESG และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทดำเนินงานสอดคล้องกับแนวปฏิบัติสากล และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน

คณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน มีบทบาทแหละหน้าที่ ดังต่อไปนี้

  • กำหนดนโยบายและเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ : พิจารณากำหนดนโยบาย กลยุทธ์ และเป้าหมายขององค์กรเสนอพิจารณาอุมัติต่อคณะกรรมการบริษัท ในประเด็นการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้สอดคล้องกับกฎหมาย มาตรฐานสากล และแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก
  • กำกับติดตามการดำเนินงานตามเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : กำกับดูแลและติดตามความก้าวหน้าของฝ่ายจัดการในการดำเนินงานให้สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศที่กำหนดไว้ โดยอาศัยระบบประเมินผลที่ชัดเจน
  • ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศอย่างโปร่งใส : พิจารณาให้ความเห็นชอบแนวทางและรายงานการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศของบริษัทให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้มีส่วนได้เสีย
  • ติดตามและประเมินความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : ติดตามแนวโน้ม ปัจจัยเสี่ยง และโอกาสทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมเสนอแนะแนวทางเชิงกลยุทธ์และการบริหารความเสี่ยงให้แก่คณะกรรมการบริษัทและฝ่ายบริหารที่เกี่ยวข้อง
  • เสริมสร้างวัฒนธรรมองค์กรเพื่อเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ : ส่งเสริมให้ผู้บริหารและพนักงานทุกระดับตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ และดำเนินงานตามเป้าหมายความยั่งยืนขององค์กรอย่างต่อเนื่อง จนนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง มีบทบาทแหละหน้าที่ ดังต่อไปนี้

  • กำหนดแนวนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : เสนอแนวทางและกรอบนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมความเสี่ยงด้านภูมิอากาศ ทั้งความเสี่ยงจากภัยพิบัติ (Physical Risk) และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบหรือการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Transition Risk)
  • พัฒนาระบบบริหารจัดการความเสี่ยงที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ : ผลักดันให้มีระบบบริหารจัดการความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กรที่สามารถรับรู้ ติดตาม และตอบสนองต่อสัญญาณเตือนภัยด้านภูมิอากาศได้อย่างทันท่วงที
  • สอบทานรายงานความเสี่ยงจากหน่วยงานต่าง ๆ : ตรวจสอบและให้ข้อเสนอแนะต่อรายงานความเสี่ยง โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมหรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่อาจกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ
  • รายงานความเสี่ยงด้านภูมิอากาศต่อคณะกรรมการบริษัท : จัดทำรายงานเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลการดำเนินการด้านการจัดการความเสี่ยง เสนอต่อคณะกรรมการบริษัทตามวาระที่กำหนด

บทบาทของผู้บริหาร

นายแพทย์กฤตวิทย์ เลิศอุตสาหกูล – กรรมการผู้จัดการ 

บทบาทและหน้าที่

  • เป็นผู้นำในการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์ขององค์กรในประเด็นด้านสภาพภูมิอากาศ โดยบูรณาการเป้าหมายด้าน Climate Action เข้ากับแผนธุรกิจหลัก
  • รับผิดชอบโดยตรงในการตัดสินใจด้านการจัดสรรทรัพยากรเพื่อการปรับตัวและการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • กำกับติดตามการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสภาพภูมิอากาศที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท
  • รายงานความคืบหน้าและประเด็นสำคัญต่อคณะกรรมการบริษัทอย่างสม่ำเสมอ

คุณอติยา อาวัชนาการ – ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน

บทบาทและหน้าที่

  • ทำหน้าที่หลักในการวิเคราะห์ ประเมิน และติดตามความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยใช้ข้อมูลทั้งเชิงวิทยาศาสตร์และแนวโน้มเชิงนโยบาย
    พัฒนานโยบายและกลยุทธ์ด้าน Climate Change เช่น Net Zero, Carbon Neutrality, Climate Resilience โดยร่วมมือกับหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้อง
    กำกับดูแลการเปิดเผยข้อมูลด้านสภาพภูมิอากาศขององค์กรให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น TCFD หรือ ISSB
    สนับสนุนการสร้างความตระหนักรู้ภายในองค์กร และผลักดันให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศ

บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการเติบโตขององค์กร จึงได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาแนวทางการมุ่งเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2049 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานขององค์กร เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยคณะทำงานประกอบด้วยผู้บริหารจากหลายภาคส่วน ได้แก่

  1. กรรมการผู้จัดการ ดำรงตำแหน่งประธานคณะทำงาน
  2. ประธานเจ้าหน้าที่ด้านความยั่งยืน และ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและขยายธุรกิจ – ดำรงตำแหน่งรองประธานคณะทำงาน
  3. ผู้อำนวยการโรงพยาบาลในเครือทุกแห่ง – ดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะทำงาน

มีบทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังต่อไปนี้

  1. ศึกษา และมีส่วนร่วมในการกําหนดเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อให้สอดคล้องกับ
    เป้าหมายของข้อตกลงปารีส ซึ่งมีเป้าหมายในการจํากัดอุณหภูมิฯ ไว้ให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส และทิศทาง
    กลยุทธ์ขององค์กร
  2. กําหนดปีฐาน จัดทํารายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  3. กําหนดแนวทางลดก๊าซเรือนกระจก ให้สอดคล้องกับการบรรลุเป้าหมาย Net Zero โดยมีจัดการลําดับ
    ความสําคัญของมาตรการโดยเริ่มจากการลด การดูดกลับ และการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  4. รายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และสื่อสารต่อนิติบุคคล ภายในห่วงโซ่คุณค่าของนิติ
    บุคคล และกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสาธารณะผ่านสื่อต่าง ๆ ขององค์กร
  5. จัดทํา ดําเนินการ และคงไว้ซึ่งการวัดผล การติดตามผล และการรายงานทั้งในระดับโรงพยาบาลและภาพเครือ

อ่านเอกสารการแต่งตั้งคณะทำงานบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ฉบับเต็ม

นอกจากการกำหนดบทบาทและหน้าที่ของฝ่ายบริหารและการกำกับดูแลของคณะกรรมการบริษัทแล้ว บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) กำหนดให้ค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จ (KPI) ขององค์กร โดยเชื่อมโยงกับการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานตั้งแต่ระดับหัวหน้างานขึ้นไปจนถึงระดับกรรมการผู้จัดการ เพื่อสร้างแรงจูงใจและส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นไปตามเป้าหมายที่องค์กรกำหนด

ความเสี่ยงและโอกาสด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการประเมินความเสี่ยงและโอกาส การกำหนดกลยุทธ์ และการเปิดเผยข้อมูลด้านการจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับแนวทางของ Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD) โดยดำเนินการร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารความยั่งยืน และฝ่ายบริหารความเสี่ยง 

อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและจัดทำมาตรการรองรับเบื้องต้น โดยใช้แนวทางการประเมินความเปราะบางและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้โครงการโรงพยาบาลคาร์บอนต่ำและเท่าทันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามมาตรฐาน Green and Clean Hospital ซึ่งพัฒนาจากคู่มือการประเมินความเปราะบางของโรงพยาบาลต่อสภาพอากาศขององค์การอนามัยโลก (WHO, 2021) โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  1. ความเสี่ยงจากอุทกภัยและภัยแล้ง : โรงพยาบาลหลายแห่งของเครือ ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเผชิญกับอุทกภัยและภัยแล้ง ซึ่งอาจส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และการให้บริการทางการแพทย์ แม้ว่าที่ผ่านมาโรงพยาบาลจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่พบว่ามีปัญหาในการเข้าถึงโรงพยาบาลของผู้ป่วยและบุคลากร ซึ่งได้มีมาตรการในการรับมือ ดังนี้
    • ใช้เกณฑ์การประเมินความเสี่ยงด้านอุทกภัยในพื้นที่ที่โรงพยาบาลตั้งอยู่
    • วางแผนและดําเนินการปรับปรุงระบบระบายน้ำและระบบการป้องกันน้ําท่วมในโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง
    • จัดเตรียมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ (Business Continuity Plan – BCP) เพื่อให้โรงพยาบาลสามารถดําเนินงานได้แม้เกิดภัยพิบัติ
    • ขยายบริการ Telemedicine และการออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ สําหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถเดินทางมาโรงพยาบาลได้
  2. ความเสี่ยงจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นและพลังงาน : อุณหภูมิที่สูงขึ้นส่งผลให้การใช้พลังงานโดยเฉพาะระบบปรับอากาศเพิ่มขึ้น นําไปสู่ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นและความเสี่ยงต่อไฟฟ้าดับหรือระบบพลังงานสํารองขัดข้อง ซึ่งอาจกระทบต่อการให้บริการทางการแพทย์ ซึ่งได้มีมาตรการในการรับมือ ดังนี้
    • พัฒนาแนวทาง Low Carbon Hospital และลดการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย
    • ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบปรับอากาศและระบบไฟฟ้า
    • ติดตั้งแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ และเพิ่มขีดความสามารถของระบบพลังงานสํารอง เพื่อลดความเสี่ยงจากไฟฟ้าดับ
    • นําร่องใช้ระบบ Smart Energy ในโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ และขยายสู่โรงพยาบาลอื่น ๆ
  3. ความเสี่ยงจากโรคอุบัติใหม่และสุขภาพบุคลากร : การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศส่งผลให้เกิด โรคอุบัติใหม่ เช่น โรคจากแมลงพาหะที่เพิ่มขึ้น และโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ เช่น PM2.5 ซึ่งกระทบต่อทั้งผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ จึงได้มีมาตรการในการรับมือ ดังนี้
    • เพิ่มความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขในการเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่
    • พัฒนาแนวทางป้องกันสุขภาพบุคลากรโดยลดความเสี่ยงจากภาระงานที่เพิ่มขึ้นและสภาวะแวดล้อมที่อาจเป็นอันตราย
    • เสริมสร้างความสามารถของโรงพยาบาลในการวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยง เพื่อป้องกันการขาดแคลนยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์
    • มีสวัสดิการฉีดวัคซีนสําหรับโรคที่กําลังระบาดในช่วงเวลานั้น ๆ
  4. ความเสี่ยงจากระบบน้ำ สุขาภิบาล และของเสียทางการแพทย์ (WASH) : ภัยธรรมชาติ เช่น อุทกภัยและภัยแล้ง ส่งผลต่อ การเข้าถึงน้ําสะอาด การจัดการของเสียทางการแพทย์ และระบบสุขาภิบาล ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคในโรงพยาบาล บริษัทฯ จึงได้มีมาตรการในการรับมือ ดังนี้
    • ติดตั้งระบบสํารองน้ำและการบําบัดน้ำเสียที่มีประสิทธิภาพ
    • ปรับปรุงและยกระดับการดําเนินงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน Green & Clean Hospital เพื่อเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการโรงพยาบาล
    • เสริมสร้าง ระบบเฝ้าระวังคุณภาพน้ำ และเพิ่มมาตรการสุขาภิบาลในโรงพยาบาล

การสนับสนุนเพื่อบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

บริษัทฯ แสดงเจตจำนงในการมีส่วนร่วมลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายคาร์บอนนิวทรัลประเทศไทย (Thailand Carbon Neutral Network: TCNN) และเป็นสมาชิกของเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย (UN Global Compact Network Thailand: UNGCNT) นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นคำมั่น (Commitment Letter) ต่อโครงการ Science Based Targets initiative (SBTi) ตั้งแต่ช่วงต้นปี พ.ศ. 2568 เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการตั้งเป้าหมายด้านการลดก๊าซเรือนกระจกตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการจัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์สถานะการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจัดทำเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับเกณฑ์ของ SBTi โดยมีเป้าหมายที่จะกำหนดเป้าหมายในระยะเวลาอันใกล้ เพื่อแสดงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน

เป้าหมายด้านการจัดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

  1. จัดทำรายงาน Carbon Footprint for Organization ครบทุกโรงพยาบาล ในทุกปี
  2. จัดให้มีการทวนสอบความถูกต้องของรายงานโดยหน่วยงานอิสระภายนอกอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง 
  3. กำหนดเป้าหมายและแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรโดยใช้กรอบแนวคิดของ SBTi และบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนเป็นศูนย์ (Net Zero) ในระยะยาว
  4. ยื่นขอการรับรองเป้าหมายตาม SBTi ภายในปี 2570
  5. จัดอบรมพนักงานและผู้บริหาร อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  6. (เป้าหมายที่ตั้งภายในบริษัทและยังไม่ผ่านการรับรองจาก SBTi) มุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2592
  1. ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และขอบเขตที่ 2 ลงอย่างน้อย 42% ภายในปี 2030 เมื่อเทียบกับปีฐาน 2023 ตามแนวทาง SBTi (1.5°C Pathway)
  2. กรณีที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากขอบเขตที่ 3 มีสัดส่วนเกิน 40% ของทั้งหมด ตั้งเป้าลด อย่างน้อย 20% ภายในปี 2030
  3. (เป้าหมายที่ตั้งภายในบริษัทและยังไม่ผ่านการรับรองจาก SBTi) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อหน่วยผู้เข้ารับบริการจากปีก่อนหน้า 5%

ผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

การดำเนินงานในปี 2567

  1. ขยายขอบเขตการเก็บข้อมูล: บริษัทได้ขยายขอบเขตการเก็บข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเพิ่มการเก็บข้อมูลจากโรงพยาบาลพริ้นซ์ มุกดาหาร ซึ่งเริ่มเปิดดำเนินการในเดือนธันวาคม 2567 และเพิ่มข้อมูลของสำนักงานใหญ่ ซึ่งส่งผลต่อการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งใน ขอบเขตที่ 1 (มีเทนจากบ่อเกรอะ) และ ขอบเขตที่ 2 (การใช้พลังงานไฟฟ้า)

  2. ปรับปรุงการรายงาน ขอบเขตที่ 3: บริษัทได้ปรับปรุงการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน ขอบเขตที่ 3 โดยเฉพาะหมวด Category 1 Purchased Goods and Services และ Category 2 Capital Goods โดยใช้ข้อมูลจากระบบจัดซื้อ PeopleSoft ให้ครอบคลุมกิจกรรมหลัก ได้แก่ ยา เวชภัณฑ์ ซอฟต์แวร์ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ เฟอร์นิเจอร์ และวัสดุก่อสร้าง

  3. เปลี่ยนปีฐานการคำนวณจากปี 2564 เป็นปี 2566: เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของกิจกรรมและโครงสร้างองค์กรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปลี่ยนปีฐานจากปี 2564 เป็นปี 2566 เนื่องจากปีฐานเดิมไม่สะท้อนภาพรวมของการดำเนินงานในปัจจุบัน

  4. รายการในขอบเขตที่ 3 ที่ยังไม่สามารถรายงานได้:

    • Category 4  Upstream transportation and distribution: การเก็บข้อมูลน้ำหนักบรรจุภัณฑ์และระยะทางขนส่งทำได้ยากในทางปฏิบัติ เนื่องจากปริมาณยาที่ใช้กับคนไข้ไม่สัมพันธ์กับปริมาณน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการขนส่งยาจากตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ทำการส่งยาไปเฉพาะโรงพยาบาลเดียว ทำให้การเก็บข้อมูลมีความไม่แน่นอน และไม่สามารถสะท้อนความจริงในทางปฏิบัติได้
    • Category 6 Business travel และ Category 7 Employee commuting: การเก็บข้อมูลจริงในทางปฏิบัติทำได้ยาก ทำให้ข้อมูลไม่สมบูรณ์ และมีความไม่แน่นอนในการแปลงระยะทางเพื่อใช้คำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  5. ในปี 2567 บริษัทปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมในขอบเขตที่ 1 และ 2 เท่ากับ 16,738 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2eq) ลดลงจากปีฐาน 2566 ที่มีค่า 16,816 TonCO2eq โดยเฉพาะในหมวดการใช้พาหนะ มีการลดลงของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงรวมมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีฐาน

  6. บริษัทสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อผู้ใช้บริการลงได้ตามเป้าหมาย 5% โดยลดจาก 0.020 TonCO2eq/คน/ปี ในปี 2566 เหลือ 0.017 TonCO2eq/คน/ปี ในปี 2567

ปี 2565 ปี 2566 (ปีฐาน) ปี 2567
ขอบเขตที่ 1 3,028 TonCO2eq 2,234 TonCO2eq 2,022 TonCO2eq
ขอบเขตที่ 2 12,475 TonCO2 eq 14,582 TonCO2eq 14,716 TonCO2eq
ขอบเขตที่ 3 8,106 TonCO2eq 12,479 TonCO2eq 12,621 TonCO2eq
ขอบเขตที่ 1 และ 2 15,503 TonCO2eq 16,816 TonCO2eq 16,738 TonCO2eq
ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3 23,609 TonCO2eq 29,295 TonCO2eq 29,359 TonCO2eq
จำนวนโรงพยาบาลภายในเครือ 12 14 15
ผลผลิต
(จำนวนผู้เข้ารับบริการ)
1,101,822 คน/ปี
*เป็นปีที่เกิดสถานการณ์ COVID-19 ทำให้มีจำนวนผู้เข้ารับบริการมากกว่าปกติ
855,467 คน/ปี 959,976 คน/ปี
Carbon Intensity
(ขอบเขตที่ 1 และ 2)
0.014 TonCO2eq/คน/ปี 0.020 TonCO2eq/คน/ปี 0.017 TonCO2eq/คน/ปี
Carbon Intensity
(ขอบเขตที่ 1, 2 และ 3)
0.021 TonCO2eq/คน/ปี 0.031 TonCO2eq/คน/ปี 0.031 TonCO2eq/คน/ปี
การทวนสอบโดยอิสระจากหน่วยงานภายนอก ผ่านการทวนสอบโดย บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอล เซอร์วิส จำกัด และได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกแห่งประเทศไทย (อบก.)
การชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มีการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในขอบเขตที่ 1 และ 2 ไม่มีการชดเชย เนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำแผนเพื่อเข้าร่วมโครงการ SBTi ซึ่งให้ความสำคัญกับการลงทุนระยะยาวมากกว่าการชดเชยคาร์บอนในแต่ละปีแบบแยกส่วน

หมายเหตุ

  • ค่า carbon Intensity ในปี 2567 มีการเปลี่ยนแปลงการคำนวณ จาก per AADC เป็น per Adjusted Patient Days
  • ในปี 2568 พิจารณาเปลี่ยนปีฐานเป็นปี 2567 เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลที่ครบถ้วนมบูรณ์กว่าในปี 2566
ขอบเขตที่ 3 จำแนกตาม category ปี 2565 ปี 2566 ปี 2567
Category 1: Purchased Goods and Services 3,446.95 TonCO2eq 3,352.74 TonCO2eq 3,366.68 TonCO2eq
Category 2: Capital Goods ไม่รายงาน เนื่องด้วยการเก็บข้อมูลไม่สมบูรณ์ ทำให้ความแม่นยำต่ำ 514.61 TonCO2eq 865.73 TonCO2eq
Category 3: Fuel- and Energy-Related Activities 2,730.25 TonCO2eq 3,027.32 TonCO2eq 3,022.57 TonCO2eq
Category 4: Upstream transportation and distribution การเก็บข้อมูลน้ำหนักบรรจุภัณฑ์และระยะทางขนส่งทำได้ยากในทางปฏิบัติ เนื่องจากปริมาณยาที่ใช้กับคนไข้ไม่สัมพันธ์กับปริมาณน้ำหนักของบรรจุภัณฑ์ รวมถึงการขนส่งยาจากตัวแทนจำหน่ายไม่ได้ทำการส่งยาไปเฉพาะโรงพยาบาลเดียว ทำให้การเก็บข้อมูลมีความไม่แน่นอน และไม่สามารถสะท้อนความจริงในทางปฏิบัติได้
Category 5: Waste Generated in Operations 15,503 TonCO2eq 16,816 TonCO2eq 16,738 TonCO2eq
Category 6: Business travel ไม่รายงาน เนื่องด้วยการเก็บข้อมูลไม่สมบูรณ์ ทำให้ความแม่นยำต่ำ
Category 7: Employee commuting ไม่รายงาน เนื่องด้วยการเก็บข้อมูลไม่สมบูรณ์ ทำให้ความแม่นยำต่ำ
Category 8: Upstream leased assets 23.62 TonCO2eq ไม่พิจารณา เนื่องจากค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ในระดับต่ำและไม่มีนัยสำคัญ
Category 9: Downstream Transportation and Distribution 0.51 TonCO2eq ไม่พิจารณา เนื่องจากค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอยู่ในระดับต่ำและไม่มีนัยสำคัญ
Category 10: Processing of sold products ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ
Category 11: Use of sold products ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ
Category 12: End-of-life treatment of sold products ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ
Category 13: Downstream Leased Assets ไม่รายงาน เนื่องด้วยการเก็บข้อมูลไม่สมบูรณ์ ทำให้ความแม่นยำต่ำ 476.82 TonCO2eq 674.21 TonCO2eq
Category 14: Franchises ไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการ
Category 15: Investments ยังไม่มีการเก็บข้อมูล


โครงการที่เกี่ยวข้อง

thTH